ข่าวกีฬา ไก่เดือยทอง แลมพาร์ด ปะทะ กับ มูรินโญ่ ถือเป็นไฮไลท์สำคัญในเกมลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ ระหว่าง เชลซี กับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ จบด้วยสกอร์เบาๆ 2-0

ข่าวกีฬา ไก่เดือยทอง

ข่าวกีฬา ไก่เดือยทอง แมตช์นี้ยังมีประเด็นให้ต้องพูดถึงกันอีกยาวโดยเฉพาะในจังหวะที่แฟนบอล “ไก่เดือยทอง” ส่งเสียงเหยียดผิว อันโตนิโอ รือดิเกอร์ กองหลังทีมชาติเยอรมัน อย่างหนักในครึ่งหลัง โดยเหตุผลมาจากการที่เขามีส่วนทำให้ ซน ฮึง มิน ต้องโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม!!

ขณะเดียวกันระบบเทคโนโลยี ผู้ช่วยผู้ตัดสินหรือ “วีเออาร์” ถือเป็นพระเอกในแมตช์นี้เช่นกัน เพราะมีส่วนตัดสินจังหวะสำคัญที่เป็นจุดเปลี่ยนของเกมทั้งการได้จุดโทษของ เชลซี และการลงโทษ สตาร์ลูกหนังทีมชาติเกาหลีใต้ จากการแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม

1. ศิษย์พิชิตครู
แฟร้งค์ แลมพาร์ด เป็นหนึ่งในนักเตะที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ชื่นชอบอย่างมากสมัยที่ทำงานร่วมกันกับ เชลซี โดย “แลมพ์ส” ลงสนามถึง 215 แมตช์ในยุคที่ “เฮียมู” กุมบังเหียนยอดทีมแห่งถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ โดยพวกเขาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย, เอฟเอ คัพ และ ลีก คัพ 2 สมัย

แน่นอนว่า แลมพาร์ด ได้เห็นการทำงานของ มูรินโญ่ มาตลอดตอนที่อยู่กับ “สิงโตน้ำเงินคราม” เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจที่ อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษ จะรู้ตื้นลึกหนาบางของ นายใหญ่ชาวโปรตุกีส ว่าจะเล่นแท็คติกแบบไหน หรือวางกลยุทธยังไงในเกมที่นำ สเปอร์ส ปะทะทีมเก่า

แมตช์นี้ แลมพาร์ด โชว์ให้เห็นถึงกึ๋นที่แสนคมกริบในการเลือกวิธีที่จะใช้รับมือกับแนวรุกที่ไหนลื่นของ “ไก่เดือยทอง” ทั้งเดเล่ อัลลี่, ซน ฮึง-มิน, ลูคัส มูร่า และ แฮร์รี่ เคน ได้อยู่หมัด ด้วยการใช้แนวรับ 3 ตัวได้แก่ คูร์ท ซูม่า, อันโตนิโอ รือดิเกอร์ และ ฟิคาโย่ โทโมริ

2. วิลเลี่ยน ยิ่งเล่นยิ่งแทน อาซาร์ ได้
การที่ เชลซี ขาด เอแด็น อาซาร์ ทำให้แนวรุกของพวกเขาอ่อนยวบไปทันที โดยเฉพาะในช่วงต้นฤดูกาลนี้เห็นได้ชัดว่าทีมขาดผู้เล่นที่จะคอยสร้างสรรค์เกม อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ วิลเลี่ยน เริ่มค่อยๆ ก้าวขึ้นมาเติมเต็มในตำแหน่งของ เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเบลเยียม ได้เรื่อยๆ

แมตช์นี้ สตาร์ลูกหนังชาวบราซิเลียน โชว์ฟอร์มได้สุดบรรเจิดโดยในครึ่งแรก เขาแสดงให้เห็นถึงทักษะในการลากเลื่อยหลอกล่อแนวรับ สเปอร์ส จนหัวหมุน ก่อนที่จะลากตัดเข้ากลางในกรอบแล้วปั่นด้วยขวาบอลพุ่งเสียบเสาไกลอย่างงดงาม ส่วนอีกประตูมาจากจังหวะจุดโทษช่วงนาที 45+3

แน่นอนว่าการขาด อาซาร์ ทำให้การขับเคลื่อนเกมรุกของ เชลซี อาจจะไม่หวือหวา แต่ตอนนี้ วิลเลี่ยน พยายามที่จะยกระดับตัวเองเพื่อที่จะทนทานการจากไปของ จอมทัพชาวเบลเยียม และดูเหมือนว่าตอนนี้แฟนบอล “สิงห์บลูส์” คงยิ้มอย่างมีความสุขกับฟอร์มของ วิลเลี่ยน

3. กัซซานิก้า คิดอะไรอยู่ ?
หากเป็น อลีสซง เบ็คเกอร์ กับ เอแดร์ซอน คงมีวิธีการเข้าบอลที่ฉลาดหลักแหลมไม่เหมือนกับผู้รักษาประตูคนอื่นๆ ในพรีเมียร์ลีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับจังหวะของ เปาโล กัซซานิก้า ที่เข้าปะทะกับ มาร์กอส อลอนโซ่ ซึ่งมองจากมุมไหนแล้ว ยังหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมเจ้าตัวถึงทำแบบนั้น

เรื่องนี้คงไม่เกิดขึ้นหากเป็น อูโก้ โยริส ทำหน้าที่เฝ้าเสา เพราะเมื่อมองจากจังหวะที่ กัซซานิก้า พยายามวิ่งออกมาเพื่อเตะบอลแต่ดันวืดและการเป็นการยกเท้าสูงขวางการเล่นของ อลอนโซ่ นั่นเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ที่ แอนโธนี่ เทย์เลอร์ จะต้องเช็กกับห้องควบคุม “วีเออาร์” ก่อนจะตัดสินให้จุดโทษ

แน่นอนว่าโกลที่ดีไม่ควรที่จะเข้าบอลผิดพลาดแบบนั้น แถมในจังหวะสำคัญขนาดนี้อาจจะทำให้ทีมเสียเปรียบมากยิ่งขึ้นหลายเท่า คำถามก็คือทำไม กัซซานิก้า ถึงเลือกที่จะกระโดดกังฟูคิกแทนที่จะพุ่งใช้มือคว้าบอล แต่ที่แน่ๆ มูรินโญ่ คงภาวนาให้ โยริส หายเจ็บกลับมาเร็วๆ

4. วีเออาร์ พระเอกเกมนี้
หลายครั้งระบบวีเออาร์ อาจจะโดนวิจารณ์ไปบ้างก็ตาม แต่สำหรับแมตช์นี้ต้องยกเครดิตให้กับวีดิโอช่วยตัดสินจริงๆ เพราะมีหลายจังหวะที่ทำให้การแข่งขันในเกมนี้มีความบริสุทธิ์ยุติธรรม และส่งผลให้เกิดจุดเปลี่ยนที่ถูกต้องเหมาะสมอย่างแท้จริง

ยกตัวอย่างจังหวะเข้าบอลแบบทะเล่อทะล่าของ กัซซานิก้า ที่โชว์ลีลาเหินหาวสไตล์บาทาไร้เงาใส่ อลอนโซ่ ในตอนแรก เทย์เลอร์ท่านเปาประจำเกมเป่าให้เป็นจังหวะฟาวล์ของผู้เล่นเกมรุกก่อน แต่เมื่อมีการเช็ค “วีเออาร์” ก็เปลี่ยนคำตัดสินเป็นการให้จุดโทษ

รวมไปถึงจังหวะการแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมของ ซน ฮึง มิน โดยในตอนแรกดูเหมือนแค่ ดาวเตะเกาหลีใต้ ล้มลงไปธรรมดาๆ แต่เมื่อมีการเช็ค “วีเออาร์” แล้วแสดงให้เห็นว่า “อาซน” พยายามถีบใส่ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ด้วยเหตุนี้ทำให้ท่านเปาควักใบแดงทันที

สำหรับชัยชนะของ เชลซี ในแมตช์นี้ต้องบอกเลยว่าระบบ “วีเออาร์” มีส่วนอย่างมากในการตัดสินจังหวะสำคัญ ฉะนั้นสมควรที่ทุกๆ คนควรจะยกเครดิตให้กับเทคโนโลยีนี้จริงๆ

5. สปอร์สหัวร้อน

ด้วยความที่เป็นศึกลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ แน่นอนว่าอาจจะทำให้นักเตะและแฟนบอลมีอารมณ์ร่วมกับเกมมากเป็นพิเศษ แต่สิ่งสำคัญก็คือการมีสติซึ่งแมตช์นี้ดูเหมือนนักเตะสเปอร์ส จะสติหลุดหลังจากเกมผ่านไปราวๆ 1 ชั่วโมง และนำไปสู่ความเสียหายอย่างมาก

เริ่มตั้งแต่ ซน ฮึง มิน ที่ไม่รู้ว่าเกิดสติหลุดได้ยังไงเมื่อดันเจตนาใช้สตั๊ดถีบใส่ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ช่วงที่เจ้าตัวล้มลง แน่นอนว่ามันอาจจะไม่ใช่จังหวะที่รุนแรง แต่เจตนาที่ทำถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงความไร้น้ำใจนักกีฬา และนำไปสู่การโดนใบแดงไล่ออกไปโดยปริยาย

หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว นำไปสู่การจุดประกายความโกรธเคืองของบรรดาแฟนคลับ “ไก่” ที่จ้องเล่นงาน ปราการหลังทีมชาติเยอรมัน และไม่มีอะไรที่จะสร้างแรงยั่วยุได้ดีไปกว่าการเหยียดผิว รือดิเกอร์ แน่นอนว่าเจ้าตัวถึงกับต้องไปบอก แอนโธนี่ เทย์เลอร์ ท่านเปาในสนามว่าเขาโดนแฟนบอลเจ้าบ้านเหยียดผิว !!!

จากเหตุการณ์นี้ทำให้มีการประกาศภายในสนามท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม และจากนั้นก็ยังเกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก 2 ครั้ง ยังไม่หมดแค่นั้นเพราะแฟนสเปอร์ส ยังโชว์ความโหดดิบเถื่อนด้วยการขว้างปาสิ่งขวดน้ำใส่ เกปา อาร์ริซาบาลาก้า นายทวารทีมเยือนด้วย

งานนี้บอกเลยว่าไม่จบง่ายๆ และ สเปอร์ส มีสิทธิ์ที่จะโดนบทลงโทษหนักจากสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) แน่นอน

————————————–
GURU ฟุตบอล

สนับสนุนโดย : UFA ARENA

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า